ย้อนรอยอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ถึงปมขัดแย้ง

ชนวนความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน กลายเป็นโหมกระพือ ตลอดระยะเวลา ระหว่าง อิสราเอลและปาเลสไตน์ เกิดขึ้นอีกครั้งจากการประกาศรับรองกรุงเยรูซาเลม ให้กลายเป็นเมืองหลวงของอิสลาเอลอย่างเป็นทางการ จาก ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ และ รับรองสถานะของเยรูซาเลม ทำให้ชาวมุสลิมปาเลสไตน์และโลกอาหรับเกิดข้อพิพาทอย่างหนัก  ทั้งยังไม่สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากอีกด้วย เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ทันที จากการพูดประกาศโดยไม่คิดของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ และ ด้วยเหตุนี้เองประชาชนจากทั่วทุกมุมโลกจึงให้ความสนใจและสงสัยถึงการรีบรับรองสถานะของเยรูซาเลม ชนวนความความขัดแย้งที่มีอยู่ก่อนหน้านี้นั้น กลับกลายเป็นการปะทุ และ เปิดศึกระลอกใหม่ระหว่างชาวยิว และ ปาเลสไตน์ ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ก่อนหน้านี้มีความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ความร้าวฉานนับพันปี

ประเด็นจุดเริ่มต้นปมความขัดแย้ง อิสราเอล-ปาเลสไตน์

อิสราเอลและปาเลสไตน์ มีปัญหามาอย่างนานและฝังลึกลงไปถึงเซลล์ประเทศของทั้ง 2 ชนชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นที่มหานครกรุงเยรูซาเลมดินแดน หรือ คานาอัน ในอดีต ดินแดนแห่งนี้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่ออย่างหนึ่งในมหาคัมภีร์โทราห์ของศาสนายูดาห์ คัมภีร์โฮลี่ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ และ คัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม

ตามประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ องค์พระเยซู ถูกตรึงกางเขนไว้ที่มหานครเยรูซาเลม และ ฟื้นจากความตายกลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่งภายในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ดินแดนแห่งพันธะสัญญา
ตามประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม นบีมูฮัมมัด ได้เดินทางขึ้นไปสู่ฟ้าจาก มัสญิดอัล-อักซอในนครเยรูซาเลม
ตามประวัติศาสตร์ของศาสนายูดาห์ หรือ ชาวฮิบรู ได้กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้ พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพรแก่พวกเขา ซึ่งเป็นดินแดนศักดิ์แห่งพันธะสัญญาของพระยาห์เวห์ แก่ชนชาวอิสราเอล

ด้วยความศรัทธาที่แรงกล้าของศาสนาแต่ละศาสนานั้นที่ต้องการจะครอบครองพื้นที่แห่งมหานครศักดิ์สิทธิ์นี้ กลายเป็นชนวนสงครามที่ไม่มีวันจบของศาสนาต่างๆ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิม หรือ ที่เรียกกันตั้งแต่สมัยอดีตว่า สงครามครูเสด ตั้งแต่ปี 1096 ซึ่งในช่วงนั้นเป็น เปิดประเด็นมาจากความต้องการในการครอบครองพื้นที่ของ พระสันตะปาปาเออร์บันที่ 1 ผู้นำศาสนจักรคาทอลิก ที่ทำการรวบรวมกำลังพลกองทัพนักรบเพื่อเช้าจู่โจมชาวมุสลิม ในการยึดครองพื้นที่ดินแดนแห่งพันธะสัญญา ชุมชนเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย โดยชาวคริสตจักร นั่นเป็นเพียงครั้งแรกของสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้เท่านั้น เพราะ สงครามนี้มีมายาวนานหลายศตวรรษ มากกว่า 10 ครั้ง ของมหาสงครามครูเสด  ด้วยเหตุนี้เองที่ให้ความบาดหมางเกิดขึ้นภายในใจของประชาชนชาวคริสต์และมุสลิมก่อตัวขึ้นไปเรื่อยๆ และ ผลกระทบจากสงครามในครั้งนี้ ชาวยิวในยุโรปและเยรูซาเลมเสียชีวิตลงไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ชนชาติชาวยิวต้องคอยอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ เพราะ จะได้เจอกับกองทัพต่างๆเข้าจู่โจม และ รุกราน ไม่ว่าจะเป็น กองทัพแห่งอาณาจักรบาบิโลน จักรวรรดิเปอร์เซีย และจักรวรรดิโรมัน

นับเป็นชนวนความขัดแย้งที่ ส่งผลกระทบต่อเส้นทางที่เป็นไปตลอดกาลของสงครามในครั้งนี้

หลังจากสงครามครูเสดจบลง การกระจายตัวไปทั่วของชาวยิวที่ลี้ภัยหนีจากสงครามไปทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นทวีปยุโรป เอเชีย หรือ อเมริกา และก่อกำเนิดลัทธิไซออนิสต์ในยุโรปช่วงปี 1857-1900 โดยจุดประสงค์ของการก่อตั้งลัทธินี้มาจาก ความการให้ชาวยิวที่พลัดพรากจากการกลับคืนดินแดนแห่งพันธะสัญญา หรือ มาตุภูมิซึ่งอยู่ในปาเลสไตน์ การฟื้นฟูความเจริญให้เฟื่องฟูเฉกเช่นในอดีตนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ถึงแม้ว่าไซออนิสต์จะมีอิทธิพลมากก็ตาม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดกระแสการต่อต้านชาวยิวในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเยอรมัน เพราะ กลัวว่าชาวยิวนั้นจะอยู่เบื้องหลงการปฏิวัติบอลเชวิก ในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัสเซียให้เป็นคอมมิวนิสต์ปี 1917 ซึ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงจากการพ่ายแพ้ของ เยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซีเยอรมัน บอกว่าสาเหตุที่แพ้สืบเนื่องมาจากชาวยิวเป็นต้นเหตุ และ กล่าวอีกว่าเขาจะเป็นผู้นำในการกวาดล้างชาวยิว กลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของชาวยิวโดยแท้จริง การล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้บังเกิดขึ้น จุดพลิกพันในหน้าประวัติศาสตร์โลกนั้น สร้างความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ (อัลเบิร์ก ไอสไตน์ก็เป็นชาวยิว) เพื่อความอยู่รอดชาวยิวได้กระจายกันอีกครั้งและ กลับมารวมตัวหันหลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้ชาวยิวจำนวนมากเดินทางกลับมาเพื่อขอความเห็นชอบในการปกครองดินแดนปาเลสไตน์
สหประชาชาติได้มีมติให้อิสราเอลก่อตั้งรัฐบนดินแดนปาเลสไตน์เช่นกัน ทำให้ดินแดนถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ฉนวนกาซา และ เขตเวสต์แบงก์ ซึ่งการก่อตั้งในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับชนพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์ และ ชาวอาหรับ ไม่พอใจในการกระทำเป็นอย่างมาก และ หลังจากนั้นไม่นาน นายเดวิด เบนกูเรียน ได้ประกาศ สถาปนารัฐอิสราเอลขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1948 และ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอล นับว่าเป็นชนวนครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากสงครามครูเสด เป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งยุคใหม่ของอิสราเอลกับปาเลสไตน์และชาวอาหรับทั่วโลก

เพื่อตอกย้ำสถานการณ์ให้ถึงขั้นแตกหักมากยิ่งขึ้น ปี ค.ศ. 1967 สงครามครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้น ชาวอาหรับจากการร่วมมือทั้งหมดจากประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็นสงคราม 6 วัน โดยกองกำลังของทหารอาหรับ มีกำลัง 7 แสน ส่วนทหารชาวยิวมีเพียง 2 แสน เท่านั้น แต่สถานการณ์ส่งผลให้ชาวยิวชนะชาวอาหรับเนื่องจากชาวยิวนั้นมีตัวช่วย คือ สหรัฐอเมริกา ทำให้ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดต้องอพยพ ทิ้งบ้านและทรัพย์สินทั้งหมดออกจากประเทศไป เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงเกิด องค์กร ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มชาวอาหรับ ที่ต้องการทวงปาเลสไตน์คืน 2 ไม่นานนัก 2 เชื้อชาติมองเห็นถึงการแก้ปัญหา ด้วยการปรองดองแบ่งพื้นที่การปกครอง  ด้วยการเจรจากันผ่านสหประชาชาติและลงนามใน “ข้อตกลงสันติภาพออสโล ฉบับที่ 1”

ดินแดนปกครองตนเองของปาเลสไตน์ 2 พื้นที่

ฉนวนกาซา อยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีศูนย์กลางที่เมืองกาซา อนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์(อาหรับ)มีอำนาจในการปกครองตัวเอง(อย่างจำกัด)ในเขตฉนวนกาซา ปัจจุบันบริเวณนี้มีประชากรชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ในพื้นที่เกือบ 2 ล้านคน

เวสต์แบงก์ มีประชากรอาศัยในพื้นที่นี้ 2 ล้าน 5 แสนคน โดยประมาณ 2 ล้านเป็นชาวปาเลสไตน์(อาหรับ) ที่เหลือเป็นชาวยิว

แต่มันช่างไร้ความหมายสิ้นดี เพราะถึงแม้มีการแบ่งพื้นที่การปกครองแต่ก็ยังคง ตีกันเหมือนเดิมเนื่องจากความแค้นมันฝังลึกลงไปในจิตใจของประชาชนเสียแล้ว 2 พื้นที่คือดินแดนที่มีแต่ความวุนวาย ข้อตกลงสันติภาพไร้ความหมาย มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเสมอเมื่อมีการเจอกันระหว่าง 2 เชื้อชาติ พรรคที่มีบทบาทในเรื่องนี้ คือ พรรคฮามาส กองกำลังติดอาวุธ เหตุการณ์แตกหัก อีกครั้งเมื่อมีวัยรุ่นชายชาวอิสราเอล 3 คนถูกลักพาตัวและฆ่าตายอย่างเลือดเย็น ซึ่งผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มฮามาส เกิดเหตุบานปลายยิงขีปนาวุธใส่กันระหว่าง 2 ชาติ 80 % ของผู้เสียชีวิตคือชาวบ้านธรรมดา ผู้นำหลายชาติรวมถึงสหประชาชาติพยายามเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดโจมตีกัน

โดนัลด์ ทรัมป์ จุดชนวนความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ประชาคมนานาชาติไม่เคยยอมรับการอ้างในการก่อตั้งของอิสราเอลในครั้งนั้น และ การประกาศของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นทันที กระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพได้หยุดชะงักและความขัดแย้งได้พุ่งขึ้นสูงทันที ชาวมุสลิมทั่วโลกได้ประท้วงถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ ออกมาเดินขบวน และ การประกาศของทรัมป์ทำให้ฝ่ายฮามาสสามารถกล่าวอ้างได้อย่างแน่นอนถึงความไม่เป็นธรรมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสถานการณ์นั้นก็บานปลายขึ้นทุกขณะ ไฟที่สุ่มร้อนแรงขึ้นในดินแดนตะวันออกกลาง และ ทรัมป์ยังยืนยันในคำประกาศของตัวเอง และ กล่าวถึงว่าเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถทำในสิ่งที่ ประธานาธิบดีคนอื่นทำไม่ได้ อย่าง บารัก โอบามา หรือ บิล ครินตัน

ความขัดแย้งที่ยากจะแก้ไข้ สามารถหาทางออกได้หรือไม่ ต้องรอดูถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป