ฉนวนกาซ่าเป็นพื้นที่อาณาเขตเล็กๆแห่งหนึ่งบนดินแดน มีพื้นที่ขนาด 360 ตารางกิโลเมตรโดยที่อาณาเขตนั้นติดอยู่กับอียิปต์ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนทางด้านทางเหนือและตะวันออกอยู่ติดกับประเทศอิสราเอล และ ในทิศตะวันตกติดกับทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแห่งนี้เป็นเขตแดนส่วนหนึ่งที่ถูกกำหนดขึ้นในข้อตกลง ของอิสราเอลและอียิปต์หลังจากสงครามอาหรับในครั้งแรก ทำให้ดินแดนเขตนี้คลับคล้ายคลับคราว่า เป็นเขตกันชนระหว่างการเป็นอริของทั้ง 2 ฝ่าย ถึงแม้จะเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ แต่ก็มีประชาชนหนาแน่นเป็นอย่างมาก ซึ่งประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่มากถึง 1.8 ล้านคน ร้อยละ 75 เป็นผู้หญิงและเด็ก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ลี้ภัยถึง 3/4 ของพื้นที่ โดยจะเลือกอาศัยอยู่ตามแคมป์ที่จัดหาไว้ให้โดยสหประชาชาติ (เหตุการณ์ปี 1948)
หลังจากเหตุการณ์ ในปี 1948 สงครามอาหรับ แต่อียิปต์ไม่ได้หยิบเอาดินแดนนี้ไปเป็นของตนเอง จนถึงปี 1967 อิสราเอล ชนะในสงคราม 6 วัน ทำให้อิสราเอลช่วงชิงดินแดนของชาวอาหรับไปเป็นจำนวนมาก และ อิสราเอลได้ทำสนธิสัญญาในการครอบครองพื้นที่ให้ชาวปาเลสไตน์มีอำนาจหน้าที่ในการปกครอง (แบบจำกัด) อิสราเอลและปาเลสไตน์ได้ทำสนธิสัญญาในปี 1993 ซึ่งเป็นพื้นที่ ฉนวนกาซ่าและเวสแบงค์ ปี 2005 อิสราเอลดำเนินการถอนกำลังทหารและนิคมชาวยิว (ที่ผิดกฎหมาย) หลังจากฮามาสชนะการเลือกตั้งในปี 2006 ภายในพื้นที่นี้ประชากรมีฐานะยากจน มีทรัพยากรน้อย และ ผลผลิตทางการเกษตรต่ำ แห้งแล้ง และ ทุรกันดารอย่างหนัก ซึ่งโดยปกติก็เป็นดินแดนที่มีความเป็นอยู่อย่างยากลลำบาก หลังจากนั้น 1 ปี คือ 2007 อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมกาซ่า จำกัดการนำเข้าทรัพยากรน้ำและอาหาร ยารักษาโรค วัสดุก่อสร้าง และ สิ่งของอื่นๆที่จำเป็นต่อการยังชีพ ประชาชนปาเลสไตน์เกินครึ่งเป็นโรคขาดสารอาหาร จากการปิดล้อมของกาซ่าตลอด 7 ปี เรียกได้ว่านี่เป็น อาชญากรรมสงคราม ลงโทษแบบเหมารวม โดยไม่สนใจพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ศาสนสถานที่สำคัญของชาวปาเลสไตน์ถูกลอบทำลาย เรียกได้ว่าพื้นที่ ฉนวนกาซ่ากลายเป็นคุกเปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการกระทำของอิสราเอล
เวสแบงค์มีเนื้อที่ 5,640 ตารางกิโลเมตร บริหารงานโดย คณะปกครองปาเลสไตน์ 40% ของพื้นที่ถูกรุกรานด้วยชาวอิสราเอล และสร้างกำแพงกั้นพื้นที่ ที่เรียกว่ากำแพงความมั่นคง ปี 2014 ชาวปาเลสไตน์ยังคงถูกฆ่าอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของอิสราเอลโดยส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่ บ้านเรือนประชาชน โรงเรียน มัสยิด โรงงานส่งจ่ายไฟฟ้า และ น้ำประปา คลีนิกรักษาโรค สำนักงานเทศบาล ยานพาหนะที่เคลื่อนไหว บ้านคนพิการ หรือ แม้แต่พื้นที่ทำเกษตร ทำให้การสูญเสียของปาเลสไตน์นั้นคือประชาชนปกติถึงร้อยละ 80 และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่เสียชีวิตโดยส่วนใหญ่ คือ เด็กและสตรี